ชะตากรรมแห่งดวงดาว



ชะตากรรมแห่งดวงดาว  

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด 

                เพราะความหมายของดวงดาวทำให้เรารู้ว่า แม้แต่ดวงดาวก็มีกรรมเป็นของตนเอง
ในโลกใบกลมๆ ใบนี้ เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า ความเชื่อ เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ควบคู่กันมากับความเป็นมนุษย์ทีอยู่บนโลกใบนี้ แม้ว่าความเชื่อนั้นจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม จะสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ก็ตาม จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม
แต่เพราะความเชื่อเหล่านี้เอง จึงทำให้เกิดทฤษฏีต่างๆ มากมาย ทำให้เกิดวัฒนธรรม เกิดศาสนา เกิดหลักทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ จิตศาสตร์ วิญญาณศาสตร์ ที่เข้ามามีอิทธิพลของมนุษย์เราความเชื่อในด้านหนึ่งที่แตกหน่อมาจากหลายศาสตร์มารวมกัน ทั้งทางด้านศาสนา ปรัชญา และวิทยาศาสตร์ ที่อาจจะพิสูจน์ได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ความเชื่อนี้กลับส่งผลมีอิทธิพลต่อพฤติกรรม จิตใจ ความคิด และกำหนดทิศทางของมนุษย์


       บางคนอาจจะว่า เรื่องของดวงดาว เป็นหลักวิทยาศาสตร์และไม่สามารถมีอิทธิพลใดๆ ต่อพฤติกรรมคนได้ หรือต่อจิตวิญญาณ หรือต่อความคิด หรือแม้กระทั้งกำหนดทิศทางความเป็นไปของมนุษย์ได้ แต่มีหลายคนที่บอกได้ว่า ทฤษฏีแห่งหลักของ ศาสตร์ที่ว่าด้วยดวงดาว มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ และความเป็นอยู่ของมนุษย์ แม้ว่าจะแบ่งกลุ่มบุคคลเป็น 2 กลุ่ม ที่เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ดวงดาวเหล่านั้นก็คงยังส่งผลต่อมนุษย์ต่อไป

        เอาแหละคราวนี้เรามาว่ากันด้วย " ชะตากรรมแห่งดวงดาว " กันดีกว่า ซึ่งบางคนอาจจะสงสัยว่า ดวงดาว เป็นดาวเคราะห์ เป็นวัตถุ และสิ่งที่ลอยอยู่ในอวกาศ แล้วทำไมดวงดาวต้องมีชะตากรรมด้วยหรือ ดังนั้น " ชะตากรรมแห่งดาวดาว " จึงแบ่งได้ใน 2 แง่ เช่นกัน

ในแง่ที่ 1 ในทางด้านวิทยาศาสตร์

ดวงดาว คือ ดาวเคราะห์ ที่ลอยอยู่ในอวกาศ ประกอบขึ้นด้วยสะสาร แก๊ส ของแข็ง และของเหลว แต่อย่าลืมว่า มีดาวเคราะห์หลายดวงที่ผ่านมานับหลายพันปี ที่ต้องจบตัวเองลง และก็มีการวิเคราะห์จากการสำรวจดาวเคราะห์เหล่านี้ว่า เคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่ หรือเคยเป็นดาวเคราะห์ที่มีแสงของตนเอง แต่แล้วก็ต้องดับไป สิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่ก็หมด นั่นคือ ชะตากรรมแห่งดวงดาวอย่างหนึ่ง ที่สามารถบอกเปรียบเทียบได้ทางศาสนาพุทธว่า ทุกสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมสลาย และหมดไป นั่นคือหนทางของดวงดาวหลายดวงที่เป็นเช่นนั้น และก็มีดวงดาวอื่นเกิดขึ้นแทนที่ เป็นเช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด นั้นคือชะตากรรมแห่งดวงดาวทางด้านวิทยาศาสตร์




ในแง่ที่ 2 ในทางด้านศาสตร์แห่งความเชื่อ 

ซึ่งเราจะขอกล่าวถึงศาสตร์แห่งโหราศาสตร์กันบ้าง ซึ่งดวงดาวเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นเป็นทั้งตัวแทนทางด้านพฤติกรรม จิตใจ เหตุการณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับมนุษย์เราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดวงดาวเหล่านี้จึงได้ถูกแบ่ง หรือกำหนดไว้ ตั้งแต่ เลข 0 ถึง เลข 9 

บางศาสตร์ก็มีการนำเอาชื่อดาวคือ มฤตยู เนปจูน พลูโต แอตแมนตอส ฮาเดส ฯลฯ ซึ่งชื่อเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนในการเรียกชื่อดวงดาวหรือดาวเคราะห์นั้นได้ อย่างเป็นทางสากล
แล้วเราจะมาเรียนรู้กันว่า ในแง่ที่ 2 นั้น ชะตากรรมแห่งดวงดาวจะเป็นเช่นไร

ตอนที่ 2 ชะตากรรมแห่งดวงดาว

บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมในด้านของ ศาสตร์แห่งโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะแขนงใด จึงวิเคราะห์ว่า ดวงดาวที่แทนความหมายของศาสตร์นั้นๆ จึงได้กล่าวถึงเรื่องกรรมได้ เราก็ต้องมาวิเคราะห์ความเชื่อของศาสตร์เหล่านี้ด้วย เพราะศาสตร์เหล่านี้ได้กล่าวถึงเรื่อง กฎแห่งกรรม ไว้อย่างชัดเจน แต่อาศัยการวิเคราะห์ทั้งเชิงทางด้าน วิทยาศาสตร์ ( ดาวเคราะห์ ) ศาสนา ( กรรม ) และ ปรัชญา ซึ่งมีมาหลายพันปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคแห่งกรีก หรือนานกว่านั้น ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ศาสตร์แห่งโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะแขนงใดก็กล่าวถึงเรื่อง กรรม เป็นตัวตั้ง เป็นตัวตนเหตุ แห่งผลของกรรมนั้น

เราจึงต้องมาวิเคราะห์ว่า คำว่า กฎแห่งกรรม หมายถึงอะไร กฎ มาจากคำว่า ข้อจำกัด ข้อปฏิบัติ กรรม มาจากคำว่า การกระทำ ดังนั้น กฎแห่งกรรม จึงกล่าวถึง ข้อปฏิบัติแห่งการกระทำ

หลักของโหราศาสตร์ในทุกแขนงนั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้ วัน เดือน ปี

( พ.ศ. หรือ ค.ศ. ) และเวลาเกิดของผู้ที่เราจะทำนายให้ ซึ่งในวันที่เขาเกิดและช่วงเวลาที่เขาเกิดนั้น ได้กำหนดไว้ว่า ดวงดาว ณ ท้องฟ้าเวลาเกิด และฤกษ์ที่เกิด ( ที่เกี่ยวเนื่องกับดาวอาทิตย์ และดวงจันทร์ ) ส่งผลให้ผู้นั้นเป็นเช่นใด และในวงกลมหรือจักรราศีนั้น ก็ได้กำหนดให้แทน โลก ใบกลมๆ ดวงนี้ ( ซึ่งก็เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ) และเรามองจากโลกใบนี้ไปหาดาวเคราะห์หรือดวงดาวต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในท้องฟ้า โดยใช้โลกเป็นจุดศูนย์กลางมองออกไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกำหนดซึ่ง ชีวิต จิตใจ การกระทำ ความสำนึกคิดดีและชั่ว และเหตุการณ์ มาเป็นตัวตั้ง ซึ่งเราจะสามารถแยกแยะได้ว่าแต่ละหลักแห่งโหราศาสตร์นั้นใช้อย่างไรในการวิเคราะห์ ชะตากรรมแห่งดวงดาว

ในทางหลักของศาสนาบ้างหละ ศาสตร์แห่งโหรทั้งหลายก็ได้กล่าวไว้เช่นกัน ซึ่งบางอย่างได้กล่าวไว้รวมอยู่กับปรัชญาด้วย เช่น ตามหลักของศาสตร์แห่งชัยภูมิ ( ฮวงจุ้ย ) ได้กล่าวทางหลักปรัชญาไว้ว่า แม้ว่า ฮวงจุ้ยจะดีเช่นไร แต่หากผู้นั้นไร้ซึ่งคุณธรรม ก็ทำให้ฮวงจุ้ยที่ดีเสื่อมสลายได้ ซึ่งหมายถึง การกระทำของผู้นั้นย่อมส่งผลให้ในอนาคตได้เช่นกัน

ตามหลักของโหราศาสตร์ไทย 

 ได้กล่าวกว่า เหนือดวงคือเรื่องกฎแห่งกรรม ซึ่งถ้าทำดีย่อมส่งผลดี และถ้าทำกรรมไม่ดี ก็ย่อมส่งผลไม่ดีให้เช่นกันตามหลักของศาสตร์แห่งลายมือ ก็มีเรื่องของคุณธรรม ความดีและไม่ดีเข้ามาเกี่ยวข้องที่มีผลต่อเจ้าของลายมือเช่นกัน แต่ที่เห็นได้ชัดคือ อารมณ์ จิตใจ จิตวิญญาณ ณ ขณะนั้นคิดไปแนวทางไหน เส้นที่ปรากฎก็จะบ่งบอกไปในทางแนวนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าคิดไม่ดี สภาพจิตใจสู่สภาวะที่ตกต่ำทางด้านจิตวิญญาณ มีความคิดที่จะก่ออกุศลแห่งกรรม สภาพของร่างกายก็จะปรับเปลี่ยนไปตามนั้นด้วย ซึ่งในลายมือก็ยังมีการกล่าวถึงเรื่อง เนิน ที่ประกอบด้วย เนินเสาร์ เนินพฤหัสบดี เนินศุกร์ เป็นต้น จึงถึงขนาดมีผู้กล่าวว่า เส้นลายมือจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของคนๆ นั้น ขึ้นอยู่กับวาสนา คุณความดีของคนๆ นั้น


ตามหลักของศาสตร์แห่งไพ่ 


 ก็ยังนำเอาดวงดาวมากำหนดเป็นตัวเลข และให้ผู้ที่จะดูนั้นมีการสัมผัสและหยิบไพ่ขึ้นมาซึ่งถ้าคนนั้นคิดในด้านดี ประกอบทำดีในขณะนั้น อารมณ์ที่สะท้อนออกมาก็จะทำให้ร่าเริงแจ่มใส่ ไพ่ส่วนใหญ่ที่จับออกมาจะมุ่งไปในทางดีมากกว่าเสีย แต่หากว่าคนๆ นั้นคิดไม่ดี ซึ่งอยู่ในช่สวงของอกุศลแห่งกรรมแล้ว ส่วนใหญ่ไพ่ที่หยิบออกมาจะบ่งบอกในทางที่ไม่ดีซะมากกว่า

แต่ไม่ว่าจะศาสตร์แห่งโหราศาสตร์ใดก็ตาม ชะตากรรมแห่งดวงดาว ก็ได้สะท้อนในแง่มุมออกมาให้ผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องได้รับรู้รับทราบ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ดีหรือไม่ คนๆ นั้นเป็นอย่างไร และมีแนวทางที่จะแก้ไขได้หรือไม่ ซึ่งการแก้ไขนั้นคือการแก้พฤติกรรมแห่งตนเอง และพยายามที่จะคิดดี ทำดี เพื่อให้เกิดกุศลแห่งกรรมทางดีมากกว่าทางไม่ดี แต่ผลสุดท้ายทุกอย่างอยู่ที่คนๆ นั้นจะกระทำดีหรือไม่ และ เลขที่ได้รับจากการวิเคราะห์ดวงดาวบนท้องฟ้า จากตัวเลขบนไพ่ จากเนินและเส้นบนฝ่ามือ ก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับมนุษย์เราอยู่ตลอดเวลา